มวยไทยบนเกาะเต่า

กีฬามวยไทยบนเกาะเต่า

มวยไทยเป็นกีฬาประจำชาติและศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวทางวัฒนธรรมของประเทศไทย ได้รับการพัฒนาให้เป็นรูปแบบของการต่อสู้แบบประชิดตัวโดยสามารถใช้หมัด ข้อศอก หัวเข่าและการเตะเป็นอาวุธในการต่อสู้

การใช้จุดสัมผัสทั้งแปดในร่างกาย ทำให้มวยไทยถูกกล่าวว่าเป็น “ศิลปะแห่งแปดแขนขา”

ในระหว่างการต่อสู้ ร่างกายของผู้เล่นจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวโดยมีส่วนต่างๆของร่างกาย ที่ใช้แทนอาวุธที่แตกต่างกัน มีมือเป็นตัวแทนของดาบและมีดสั้น หน้าแข้งและปลายแขนแทนเกราะ ซึ่งจะแข็งแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมระหว่างการฝึก

ข้อศอกจะเป็นค้อนไว้ใช้ต่อสู้เวลาที่คู่ต้อสู้ล้ม ขาและหัวเข่าเป็นขวานและไม้เท้าในการยืน

เป้าหมายของในการจู่โจมแต่ละครั้ง คือการโจมตีที่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามหมดสภาพได้ โดยนักมวยสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ได้รับการโจมตีจากคู่ต่อสู้เลยก็เป็นได้

แต่การต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพดี นักมวยจะต้องมีทักษะและเทคนิคที่ถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็วและมีพลังมากพอพี่จะทำให้คู่ต่อสู้อ่อนแอลง

ต้นกำเนิดของมวยไทย

ต้นกำเนิดของมวยไทยยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด เนื่องจากการสูญเสียเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นเมื่อประเทศพม่าปล้นกรุงศรีอยุธยาในช่วงศตวรรษที่ 14

ในการรุกรานครั้งนั้น ประวัติศาสตร์ของมวยไทยส่วนใหญ่หายไปแต่เชื่อกันว่า มีการพัฒนามาเป็นเวลาหลายศตวรรษเนื่องจากบรรพบุรุษของไทยอพยพมาจากทางใต้จากประเทศจีนร่อนลงมายังประเทศไทย และมีการต่อสู้กับเผ่าอื่นเมื่อโยกย้าย

ในปีพ.ศ. 1781 กองทัพดั้งเดิมของไทยก่อตั้งขึ้นในจังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นจังหวัดที่ได้รับอิสระแห่งแรกของอาณาจักรไทย กองทัพนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้องบ้านเมืองและผู้อยู่อาศัยทั้งในเมืองและในหมู่บ้านโดยรอบ

ทหารที่เข้าร่วมกองทัพได้รับการฝึกฝนในการต่อสู้ด้วยมือและวิธีการใช้ร่างกายเป็นอาวุธ ซึ่งในที่สุดก็พัฒนาเป็นสิ่งที่เรารู้จักก็คือ “มวยไทย”

ในช่วงเวลานี้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักกันในนาม “สยาม” ผู้คนอาศัยอยู่ภายใต้การคุกคามอย่างต่อเนื่องของสงครามกับทั้งกัมพูชาและพม่า ทำให้มวยไทยกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม

ศูนย์ฝึกอบรมเริ่มปรากฏขึ้นทั่วราชอาณาจักร ทำให้สามารถสร้างกองทัพขนาดใหญ่พอที่จะปกป้องพื้นที่ทั้งหมด

เนื่องจากในสมัยก่อน มวยไทยได้รับความนิยมจากคนจนในสยาม แต่ตอนหลังมวยไทยกลายเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับชนชั้นสูงและราชวงศ์

พระเจ้าขุนศรีอินทรทัต กษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์สุโขทัยส่งบุตรชายทั้งสองของเขาไปที่ศูนย์ฝึกอบรม เนื่องจากเชื่อว่านักรบที่เก่งจะเป็นผู้นำที่กล้าหาญ ดังนั้นการฝึกมวยไทยจะเตรียมพวกเขาให้เป็นผู้ปกครองในอนาคต

ช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 17 รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งเป็นยุคที่มวยไทยกลายเป็นกีฬาประจำชาติ มีการสร้างประเพณีแบบพื้นฐานขึ้นในยุคนี้และดำเนินต่อเนื่องมานานกว่า 400 ปี

การใช้มงคล (แถบคาดศีรษะ) และผ้าประเจียด (สายรัดแขน) เหมือนเป็นการย้อนกลับไปยังช่วงยุคนี้ได้ พร้อมกับการใช้ “สังเวียน” หรือสนามเพื่อแสดงถึงพื้นที่ที่ใช้ต่อสู้

สังเวียนในสมัยก่อน ถูกสร้างขึ้นโดยการวางเชือกเป็นวงกลมบนพื้นหรือสี่เหลี่ยม เชือกป่านและนวมถูกนำมาใช้เพื่อใส่ป้องกันมือของนักมวย นวมถูกเคลือบด้วยสารหนาและคงทนผูกติดกับเชือกเพื่อใช้โจมตีคู่ต่อสู้

ศึกในยุคนั้นไม่มีกำหนดเวลาและดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีคนชนะ นักชกท้องถิ่นจะเป็นตัวแทนจากแต่ละเมืองของพวกเขา และมักต่อสู้ในนามของผู้มั่งคั่งหรือราชวงศ์เพื่อช่วยให้พวกเขายุติข้อพิพาทได้

ส่วนเรื่องการจับคู่ มีการจับคู่กับคนที่มีขนาดตัวใกล้เคียงกัน อายุหรือทักษะใกล้กัน การแพ้การต่อสู้จะทำให้เสียหน้าทั้งนักมวยและผู้สนับสนุน

ในรัชสมัยของพระเจ้าเสือ เมื่อต้นศตวรรษที่ 18 ได้มีการจัดตั้งกรมมวยขึ้น พระเจ้าเสือชอบที่จะแข่งขันชกมวยไทยและมักจะแกล้งทำเป็นสามัญชนเพื่อเข้าต่อสู้ในเมืองและหมู่บ้านเล็กๆ

นี่เป็นวิธีเดียวที่พระราชาสามารถแข่งขันได้เพราะพระราชาได้รับการเคารพอย่างสูงไม่มีใครกล้าต่อสู้กับพระราชาหากรู้ว่าพระองค์เป็นใคร

พระเจ้าเสือบังคับเหล่าลูกชายให้เรียนมวยไทย ดาบ มวยปล้ำ และตั้งกรมมวยไทยขึ้นเพื่อค้นหาชายที่คู่ควรที่มีสามารถในการต่อสู้เพื่อความบันเทิงของราชวงศ์ และเป็นผู้คุมในราชสำนักธานีลี

ผู้คุมเหล่านี้มีหน้าที่ดูแลการฝึกอบรมมวยไทยและการต่อสู้ เนื่องจากราชอาณาจักรยังอยู่ในระหว่างสงครามกับกัมพูชาและพม่า

มวยไทยกลายเป็นกีฬา

รุ่งอรุณแห่งกรุงธนบุรี (พ.ศ. 2310) เป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพในประเทศไทยและการสร้างอาณาจักรขึ้นใหม่ มวยไทยไม่ได้เป็นแค่การฝึกทหารอย่างเดียว เพราะในอดีตที่ผ่านมาชาวบ้านก็ได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

กีฬามวยไทยเริ่มมีการแข่งขันมากขึ้นในช่วงนี้ และค่ายฝึกอบรมจะจับคู่นักสู้ที่ดีที่สุดเพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้ชม ยังไม่มีกฎกติกาอย่างเป็นทางการสำหรับกีฬาชนิดนี้ การต่อสู้จะดำเนินไปเรื่อยๆจนกว่าจะเห็นผู้ชนะได้ชัดเจน

มวยไทยกลายเป็นศิลปะการต่อสู้ระดับชาติพร้อมด้วยกฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆ โดยมีจุดเริ่มต้นในยุครัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 1 และเป็นส่วนสำคัญของงานเฉลิมฉลองในสมัยนั้น

การชกแต่ละรอบจะถูกกำหนดเวลาโดยการวางกะลามะพร้าวเปล่าที่มีรูเล็กๆ ไว้ในถังน้ำ รอบการชกจะสิ้นสุดลงเมื่อมะพร้าวจมลงไปที่ก้นถังด้านล่าง จำนวนรอบไม่ได้กำหนดไว้และการต่อสู้จะมีจำนวนรอบมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับการตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

ปีทองของมวยไทย

มวยไทยเข้าสู่ยุคทองในปลายศตวรรษที่ 19 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยความตระหนักถึงคุณค่าของกีฬาชนิดนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงทรงส่งเสริมการจัดทัวร์นาเมนต์หรือการแข่งขัน เพื่อแข่งขันมวยไทยโดยเฉพาะ รวมถึงจัดในงานเทศกาลในประเทศและงานระหว่างประเทศที่พระองค์ทรงเป็นเจ้าภาพ

ในช่วงเวลานี้ กระทรวงศึกษาธิการได้รวมมวยไทยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรสำหรับนักเรียนเตรียมทหาร

หลังจากนั้น มวยไทยเปลี่ยนไปมากในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา มีการใช้สังเวียนในช่วงปีค.ศ.1920 แทนการใช้ลานแบบเปิด ซึ่งเป็นที่ว่าของมวยไทยสมัยใหม่

หนังม้า หนังวัวถูกแทนที่ด้วยนวมในการชกมวย และกระจับแบบแข็งถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อเพิ่มการป้องกันจากเข่าและการเตะจากคู่ต่อสู้

การแนะนำมวยไทยสู่โลกตะวันตกเกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อทหารไทยประจำการอยู่ในฝรั่งเศส การแนะนำอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในสงครามโลกครั้งที่สอง

ทหารอเมริกันและยุโรปที่ต่อสู้เคียงข้างศัตรูของทหารไทยรู้สึกประทับใจเมื่อพวกเขาดูการฝึกทหารของไทย สิ่งที่พวกเขาเรียกกันเองว่า“ มวยไทย”

พวกเขาให้คนไทยสอนพื้นฐานและประเพณีต่างๆให้แก่พวกเขา และมวยไทยก็เริ่มได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักจากนานาประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากสงครามเสร็จสิ้น ได้มีการสร้างสนามกีฬาขนาดใหญ่ขึ้นที่เชียงใหม่ สุโขทัยและกรุงเทพฯ สนามลุมพินีในกรุงเทพฯได้รับการยกย่องให้เป็น“ พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” ของมวยไทย มีแค่ “นักมวย” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ขึ้นต่อสู้ที่นี่ได้

กฎอย่างเป็นทางการครั้งแรกได้นำมาใช้ในช่วงนี้ การต่อสู้แบ่งออกเป็น 5 รอบ รอบละ 3 นาที โดยใช้นาฬิกาเป็นตัวจับเวลาแทนที่จะเป็นกะลามะพร้าวที่จมน้ำแบบสมัยก่อน มีการชั่งน้ำหนักตัว กฎกติกาและการแข่งขันชิงแชมป์ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในช่วงนี้และองค์กรด้านกีฬามวยก็เริ่มเกิดขึ้น

การฝึกอบรมมวยไทยที่ทันสมัย

นักมวยสมัยใหม่ฝึกอบรมเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวันและสามารถเริ่มต้นการฝึกได้ตั้งแต่ของพวกเขาอายุ 6 ปี นักมวยอาจเข้าสู่การต่อสู้ครั้งแรกภายในสองสามปีและสามารถสะสม 120-150 สังเวียนเมื่อนักมวยมีอายุประมาณยี่สิบกลางๆ

นักมวยเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องผิวที่แข็งแกร่งและความสามารถในการทนต่อความเจ็บปวดและการบาดเจ็บที่พวกเขาอาจได้รับระหว่างการแข่งขัน ซึ่งประสบการณ์ทั้งสองอย่าง นักมวยจะได้เรียนรู้ระหว่างการฝึกซ้อม

สำหรับคนไทยหลายคน มวยไทยไม่ได้เป็นเพียงกีฬา แต่เป็นวิถีชีวิตที่แสดงถึงวิญญาณนักรบของคนไทย

ไลฟ์สไตล์ที่ดี สุขภาพแข็งแรง

ความรู้พื้นฐานและทักษะที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยผู้เป็นพ่อได้สอนเทคนิคและยุทธวิธีการตั้งรับและการรุกให้กับลูกชายของพวกเขา รวมถึงท่าทางที่ถูกต้อง ทักษะจำเป็นที่จะเพิ่มการมีสติในการต่อสู้

จึงถือเป็นการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม การเรียนรู้มวยไทยสามารถช่วยปรับปรุงทุกด้านของการใช้ชีวิต ช่วยให้มีสุขภาพดี ผู้จัดการค่ายที่ดีจะให้อาจารย์ที่มีทักษะในการสอนมวยไทยมาสอน รวมถึงการดูแลทุกด้านที่เกี่ยวกับชีวิตของนักมวย

พวกเขาจะทำให้มั่นใจว่า นักมวยได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอและการรับประทานอาหารที่เหมาะสมซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการฝึกอบรมมวยไทย

อาจารย์จะทำให้แน่ใจว่า ผู้เริ่มฝึกได้รับการสอนด้วยความอดทนและเรียนรู้วิธีเอาชนะความเจ็บปวดในระหว่างการฝึกที่ยากลำบาก

ความเข้มข้นของการฝึกจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อนักมวยเรียนรู้เครื่องมือเบื้องต้นที่จำเป็นต่อนักมวย นั่นก็คือความอดทน ความสงบและความสามารถในการใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดที่เกิดจากกิจกรรมทางร่างกายได้

เกาะเต่าและมวยไทย

เกาะเต่ามีสนามฝึกมวยไทยสองแห่ง คือไอส์แลนด์มวยไทย Island Muay Thai และมอนซูน Monsoon Gym & Fight Club

สนามมวยทั้งสองแห่งตั้งอยู่ในหาดทรายรี มีแพคเกจราคาให้เลือกตั้งแต่เรียนครั้งเดียว ไปจนถึงแพ็คเกจรายเดือน รวมถึงที่พักสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์มวยไทยเต็มรูปแบบ

เรียนครั้งเดียวจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 300 บาทพร้อมการสอนเป็นกลุ่ม การสอนตัวและตัวจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเล็กน้อย การฝึกอบรมมีเริ่มตอนเช้าเวลา 8.00 น. และรอบบ่ายเวลา 16.00 น. โดยปกติการเรียนช่วงบ่ายจะมีความเข้มข้นมากกว่า

สำหรับผู้ที่ต้องการแรงบันดาลใจในระหว่างการฝึกฝน ไอส์แลนด์มวยไทยจัดการแข่งขันทุก 7-10 วัน และมีนักสู้ที่ดีที่สุดในการเข้าร่วมการแข่งขัน